7 เรื่องเล็ก ๆ ที่ธุรกิจควรรู้ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค

ปีที่ผ่าน ๆ มา ทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับปัญหาในหลาย ๆ เรื่องโดยเฉพาะวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องทั้งในทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการหลาย ๆ เจ้ามีรายได้หดตัวลงจนอาจถึงขั้นต้องปิดตัวไป ซึ่งในขณะเดียวกัน กำลังซื้อของผู้บริโภคเองก็อ่อนกำลังลงด้วย คำถามคือ ธุรกิจต่าง ๆ ที่ยังอยู่ ควรปรับตัวอะไร เพื่อให้อยู่รอดในปีต่อ ๆ ไป ในยุคที่ทุก ๆ อย่างต้องเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว

1. กลุ่มคนที่ทำธุรกิจต้องมีการวางแผน แนวทาง มองหากลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์การตลาด หรือให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ถึงแม้ยุคนี้ เทคโนโลยีจะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงต้องตระหนักว่า ตอนนี้ก็มีคนบางกลุ่มที่กำลังจะเบี่ยงหน้าหนีออกจากโซเชียลบ้างแล้ว (ถึงแม้จะเล็กน้อยก็ตาม)

2. ธุรกิจต่าง ๆ ต้องหันมาเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยต้องรู้จักและฟังเสียงของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เพื่อสร้างสินค้าและภาษาสำหรับการใช้รูปแบบการสื่อสารใหม่ ๆ ในการสื่อถึงจุดประสงค์ให้กลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนและโดนใจมากยิ่งขึ้น

3. ผู้บริโภคในปีต่อไป จะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับคุณค่ามากกว่ามูลค่า และมีทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปจากความต้องการ แต่แค่นั้นคงไม่พอ ต้องไปสู่ความต้องการสิ่งที่ดีกว่า ผ่านการเลือกสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกคุ้มค่าต่อราคา และมีความยั่งยืนที่มากกว่านั่นเอง

4. เทรนด์การตลาดที่ธุรกิจควรเริ่มคิดเริ่มมีได้แล้วคือ การนำเสนอสิ่งที่ผู้คนต้องการแต่ยังไม่มีสินค้านั้นขายอยู่ตามท้องตลาดที่ตอบโจทย์ หรืออาจจะมีตลาดแล้วแต่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ เช่น ราคา เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงนวัตกรรมในการผลิตที่สูงขึ้น เป็นต้น

5. ด้วยเหตุนี้ กลุ่มผู้บริโภคจึงทยอยหันมา ‘สร้างตลาด’ ขึ้นกันเอง เนื่องจากมีข้อจำกัดที่น้อยกว่า สามารถขับเคลื่อนได้โดยความต้องการของผู้คนที่มีความชอบเดียวกัน เช่น การตั้ง Facebook Group ขายของในกลุ่มคนที่มีความสนใจร่วมกัน นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงจุดมาก ๆ แล้ว พวกเขายังมีส่วนช่วยสร้างงานให้กับท้องถิ่น และสนับสนุนผู้คนที่มึความสนใจคล้าย ๆ กันด้วย

6. กลุ่มผู้บริโภคยุคนี้มีหลากหลายเจเนอเรชัน การทำธุรกิจต้องมีการทำงานที่หนักขึ้นมาก เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคแต่ละกลุ่มมากขึ้น ด้วยการตามเทรนด์ของตลาด จับตาดูความสนใจและไลฟ์สไตล์ในแต่ละเจเนอเรชันให้ทัน เพื่อจะเชื่อมโยงกับความต้องการของเจเนอเรอชันต่าง ๆ รวมถึงต้องมองหาจุดร่วมระหว่างเจเนอเรชันให้เจอ ถึงจะตอบโจทย์ความสนใจของกลุ่มลูกค้านั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี

7. ธุรกิจอาจจะต้องควรปรับกลยุทธ์ต่าง ๆ ให้มีการใช้วิธีคิดห่วงโซ่การผลิตแบบย้อนกลับ เพื่อเป็นการสร้างคุณค่าจากสิ่งของที่ซื้อไปแล้วให้กลับมามีประโยชน์สำหรับผู้บริโภคใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายสินค้ารุ่นเก่าเพื่อซื้อของใหม่กับแบรนด์ และการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

จากวิธีการเหล่านี้ แน่นอนว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ในเชิงเศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม รวมถึงด้านจิตใจของกลุ่มผู้บริโภค และคำนึงถึงกลุ่มคนหลาย ๆ กลุ่ม ไม่แบ่งแยกความสำคัญของคนกลุ่มใดมากกว่ากัน

และที่สำคัญก็คือ ต้องสื่อสารไปในทิศทางบวกมากกว่าทางลบ เป็นความจริง มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ด้วย

เพราะในโลกยุคปัจจุบันนี้ ผู้คนต้องการความจริงใจ เปิดเผย และมีผลลัพธ์ที่จับต้องได้ มากกว่าการสร้างภาพให้ดูดีเกินงาม แต่เนื้อในและตัวตนที่แท้จริงไม่ใช่แบบนั้น หรืออาจเป็นตรงกันข้ามกันไปเลย