ของแจก... ที่ไม่ได้มีไว้แค่เพื่อแจกของ
Tag : ของพรีเมี่ยม - 17 ก.พ. 2565, 10:02
สำหรับผู้ใช้กระบอกน้ำโดยทั่วไปแล้ว จะไม่ทราบว่า สแตนเลส นั้นมีกี่ประเภท
รู้ลึก “กระบอกน้ำสแตนเลส”
สำหรับผู้ใช้กระบอกน้ำโดยทั่วไปแล้ว จะไม่ทราบว่า สแตนเลส นั้นมีกี่ประเภท และอาจจะเข้าใจผิดว่า สแตนเลสนั้นแม่เหล็กจะดูดไม่ติด ทั้งที่จริง ๆ แล้ว การที่แม่เหล็กจะดูดติดหรือไม่ติดนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของสแตนเลสด้วย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้ 5 กลุ่ม คือ ออสเทนนิติค, เฟอริติค, ดูเพล็กซ์, มาร์เทนซิติก และ กลุ่มเพิ่มความแข็งโดยวิธีการตกผลึก
ในครั้งนี้ เราจะมาพูดถึงสแตนเลส กลุ่ม ออสเทนนิติค หรือ เรียกอีกอย่างว่า สแตนเลส 300 ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมนำมาใช้มากที่สุด มีคุณสมบัตรที่แม่เหล็กดูดไม่ติด ซึ่งจะประกอบไปด้วย โครเมียม 16% คาร์บอนไม่เกิน 0.15% ส่วนผสมของธาตุนิกเกิล 8% เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติในการทำการประกอบ และเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน ซึ่งเกรดที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและนิยมเรียก 18/8 คือการที่มีส่วนผสมของโครเมียม 18% และนิกเกิล 8% เพื่อเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน และทำให้เชื่อมหรือขึ้นรูปได้ง่าย
เราจะยกตัวอย่างสแตนเลสที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระบอกน้ำสแตนเลส รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งสามารถพบเจอได้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
สแตนเลสตระกูล 300 คือ สแตนเลสที่มีตัวเลข ขึ้นต้นด้วยเลข 3 ได้แก่ 301 / 302 / 303 / 303SE / 304 / 304L / 304N เป็นต้น สแตนเลสในกลุ่มนี้จะเพิ่มธาตุนิเกิลผสมเข้ากับเหล็ก ทำให้องค์ประกอบของสแตนเลสเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน ผลลัพธ์ที่ได้คือ สแตนเลสในกลุ่มนี้จะไม่ตอบสนองกับแรงดูดของแม่เหล็กเมื่ออยู่ในสภาพปกติ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพ เช่น การตัด การเชื่อม การเจียร การดัดรวมถึงการปั้มขึ้นรูป ซึ่งจะทำให้บริเวณที่เกิดการกระทำดังกล่าว เกิดปฎิกริยาตอบสนองกับแรงแม่เหล็กได้ แต่จะไม่แรงเท่ากับเมื่อนำแม่เหล็กไปดูดกับสแตนเลสในตระกูล 400 สแตนเลสในตระกูล 300 นี้ จะใช้ในลักษณะงานทั่วไปอย่างแพร่หลาย โดยมีเปอร์เซ็นต์ของคาร์บอนน้อยกว่า 0.1% และมีส่วนผสมของนิเกิล ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสแตนเลสเกรดใด ข้อดีของสแตนเลสตระกูลนี้ คือ มีความสามารถในการขึ้นรูปได้ดีมาก มีความปลอดภัยในการนำมาทำบรรจุภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ( Food Grade ) รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์
สแตนเลส 301 เป็นสแตนเลสที่ใช้คาร์บอนเป็นส่วนประกอบ 0.15% โครเมี่ยม 16 – 18% นิเกิล 6 – 8% ซึ่งเหมาะกับงานสปริง สายพานลำเลียง
สแตนเลส 304 เป็นสแตนเลสที่ใช้คาร์บอนเป็นส่วนประกอบ 0.08% โครเมี่ยม 18 – 20% นิเกิล 8 – 10.5% เป็นสแตนเลสพื้นฐานใช้งานทั่วไปหรือใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม ป้องกันสนิมได้เป็นอย่างดี ทนต่อการกัดกร่อนสูง ง่ายต่อการขึ้นรูปและเชื่อมได้ดี เหมาะสำหรับนำมาผลิต กระบอกน้ำสแตนเลส กระบอกน้ำสูญญากาศ และ แก้วฝาปิดสแตนเลส หรือ บรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม
สแตนเลส 304L เป็นสแตนเลสเบอร์ 304 ที่ใช้คาร์บอนเป็นส่วนประกอบน้อยลงมา คือ 0.03% โครเมี่ยม 18 – 20% นิเกิล 9 – 13% ใช้กับงานเชื่อมได้ดีกว่า ไม่เป็นสนิม และเหมาะสำหรับงานแท้งค์ประเภทต่าง ๆ
สแตนเลส 309/309S ใช้เกี่ยวกับงานทนความร้อนสูงไม่เกิน 900 องศา แต่น้อยกว่า 310/310S
สแตนเลส 310 / 310S เป็นสแตนเลสที่ใช้คาร์บอนเป็นส่วนประกอบ 0.03% โครเมี่ยม 24 – 26% นิเกิล 19 – 22% เหมาะกับงานทนความร้อนสูง 1,150 องศา งานเตาอบ เตาหลอม ฉนวนกันความร้อน
สแตนเลส 316 เป็นสแตนเลสที่ใช้ป้องกันการเกิดสนิมได้เป็นอย่างดี ใช้กับงานทนกรด ทนเคมี หรือเป็นเกรดที่มีปฏิกิริยากับกรดน้อย เหมาะสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม
สแตนเลส 316L เป็นสแตนเลสเบอร์ 316 ที่ใช้คาร์บอนเป็นส่วนประกอบน้อยลงมา คือ 0.03% โครเมี่ยม 16 – 18% นิเกิล 12 – 15% โมลิเดนั่ม 2 – 3% ใช้กับงานทนกรดที่เข้มข้นมากกว่า ทนเคมีมากกว่า หรือเป็นเกรดที่มีปฏิกิริยากับกรดน้อยมาก (มีความทนกรดมากกว่า)
สแตนเลสขึ้นสนิมได้หรือไม่ ?
สแตนเลสสามารถเกิดสนิมได้ หากถูกกรด ด่าง หรือไอระเหยของกรดและด่าง ในปริมาณมาก ซึ่งปัญหาที่พบโดยส่วนใหญ่กับการเกิดสนิมในผลิตภัณฑ์สแตนเลส เกรด 304 โดยปัญหานี้มักจะเกิดในกรณีต่าง ๆ เช่น
1. การใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีกรดไฮโดรคลอริค ราดไปที่อุปกรณ์โดยตรง หรือ จากไอระเหยเมื่อมีการราดน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้
2. การติดตั้งอุปกรณ์ในพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง หรือในงานนั้น ๆ มีการใช้ปูนซีเมนต์ ซึ่งมีละอองของผงปูน หรือน้ำปูนที่ใช้ในการทำงานนั้น เมื่อมากระทบและเกาะบนพื้นผิวสแตนเลสเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดสนิมขึ้นที่สแตนเลสได้
3. แหล่งน้ำที่ใช้เป็นน้ำบาดาล ทำให้เกิดคราบของน้ำ หรือตะกรันเกาะที่พื้นผิวของสแตนเลสได้ เพราะน้ำบาดาลจะมีส่วนผสมของสารละลายหินปูน และสนิมเหล็กจำนวนมากปะปนอยู่ในน้ำ
4. การใช้อุปกรณ์ในพื้นที่ติดน้ำทะเล หรือในพื้นที่ที่มีไอเค็มจากน้ำทะเล
วิธีการกำจัดคราบเบื้องต้น
ให้ใช้น้ำสะอาด ชำระล้างน้ำยา หรือละอองต่าง ๆ ที่มาเกาะบนพื้นผิวของสแตนเลส ให้ออกให้หมด หลังจากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิม หรือคราบต่าง ๆ บนสแตนเลส
หากเกิดคราบน้ำขึ้น ให้นำสก๊อตไบรท์นุ่ม ๆ (หรือสก๊อตไบรท์ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง) ขัดที่ผิวของสินค้าในบริเวณที่เกิดคราบ หากมีคราบจำนวนมากและฝังแน่น ให้ใช้น้ำส้มสายชูช่วยในการขัด และล้างออกด้วยน้ำสะอาด และใช้ผ้านุ่มสะอาด ๆ เช็ดให้แห้ง
วิธีการใช้งาน กระบอกน้ำสแตนเลสสูญญากาศ
กระบอกน้ำสแตนเลสสูญญากาศ ที่ได้มาใหม่ ควรจะฆ่าเชื้อด้วยน้ำร้อนผสมเม็ดทำความสะอาดฟันปลอม ซึ่งส่วนใหญ่มีโวเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) เทลงไปในตัวกระบอกน้ำ ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วล้างกระบอกน้ำด้วยน้ำเปล่าซ้ำ ๆ ประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อความสะอาด และทิ้งไว้ให้แห้ง
ไม่ควรใส่ผลิตภัณฑ์ประเภทนม / น้ำผลไม้และเครื่องดื่มอัดลม เป็นเวลานาน
ควรระมัดระวังอย่าให้กระบอกน้ำหล่นหรือกระแทก เพราะอาจส่งผลให้กระบอกน้ำบุบหรือชำรุดและประสิทธิภาพการใช้งานเสื่อมลง
การเติมน้ำลงใน กระบอกสแตนเลสสูญญากาศ จะต้องเติมน้ำให้ต่ำกว่าจุดขอบยางประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อป้องกันน้ำร้อน หรือ น้ำเย็นที่ใส่ลงไปสัมผัส stopper กับขอบยาง ซึ่งทำให้สูญเสียการเก็บรักษาอุณหภูมิ และช่วยยืดอายุการใช้งานของยางกันซึม
ไม่ควรใส่โซดา หรือ น้ำแข็งแห้งลงใปในกระบอกน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดก๊าซในกระบอกน้ำมากเกินไป ส่งผลให้อาจเกิดแรงดันจนไม่สามารถเปิดกระบอกน้ำได้
หลังการบรรจุเครื่องดื่มประเภทน้ำหวาน ควรทำความสะอาดในทันที เพื่อป้องกันมีกลิ่นตกค้าง